สืบทรัพย์ สืบธุรกิจ หลังจากที่โจทย์/ผู้ฟ้อง/เจ้าหนี้เป็นฝ่ายชนะคดี

โดยศาลมีคำพิพากษาให้ลูกหนี้ชดใช้เงินในจำนวนนั้นๆ ให้แก่เจ้าหนี้

ภายในระยะเวลาที่กำหนด แต่ลูกหนี้ไม่ยอมจ่าย

ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนของการสืบทรัพย์บังคับคดี หาก

พบว่าลูกหนี้มีทรัพย์สิน ก็จะทำการยึดทรัพย์

นำทรัพย์สินของลูกหนี้ไปขายทอดตลาด เปลี่ยนเป็นเงินมาจ่ายให้กับโจทย์

หรือเจ้าหนี้นั่นเอง แต่ถ้าสืบทรัพย์แล้วลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สินใดๆ

ก็จะกลายเป็นความเสี่ยงอย่างหนึ่งของเจ้าหนี้

แม้จะมีระยะเวลาให้สืบทรัพย์บังคับคดีได้ถึง 10 ปีก็ตาม

แต่ก็ไม่รู้ว่าอีกที่ปี ลูกหนี้จะมีทรัพย์สิน?! จึงมีอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี

ซึ่งเจ้าหนี้สามารถดำเนินการได้ นั่นคือ คือ การสืบทรัพย์ก่อนฟ้อง

โดยทำการว่าจ้าง "นักสืบคดี" ให้ช่วยสืบค้นว่าลูกหนี้

มีทรัพย์สินใดๆหรือไม่ เช่น โฉนดที่ดิน รถยนต์

เงินฝากในบัญชีธนาคารและอื่นๆ ซึ่งหากลูกหนี้มีทรัพย์สิน

เป็นชื่อของลูกหนี้เอง ก็จะทำให้เจ้าหนี้มั่นใจในการฟ้อง

ร้องมากขึ้น ว่าหากฟ้องแล้วชนะคดี แต่ลูกหนี้ไม่ยอมจ่าย

ก็จะมีทรัพย์สินของลูกหนี้เป็นเครื่องการันตีว่าจะได้เงินคืนอย่างแน่นอน

เพราะหลังจากที่ลูกหนี้ไม่ยอมจ่าย ก็พร้อมเข้าสู่ขั้นตอนของการสืบทรัพย์

(ที่ได้สืบไว้ก่อนหน้าแล้ว) บังคับคดี ยึดทรัพย์

และขายทอดตลาด นำเงินมาจ่ายให้กับเจ้าหนี้ได้

แต่การสืบทรัพย์ก่อนฟ้องนั้น แน่นอนว่าจะยังไม่มีเอกสาร

หรือคำพิพากษาใดๆไปแจ้งตามหน่วยงานเพื่อจะขอทำการสืบทรัพย์...

"นักสืบคดี" จะต้องใช้เทคนิคเฉพาะตัว หรือความเชี่ยวชาญของตนเอง

เพื่อทำการสืบค้นข้อมูลของลูกหนี้ในเรื่องทรัพย์สิน...

การทำงานของ "นักสืบคดี" ก็จะยากขึ้นอีกระดับหนึ่ง

ค่าจ้างอาจจะสูงขึ้นมาบ้างหรือตามที่ตกลงกัน

แต่ก็ถือว่าคุ้มสำหรับเจ้าหนี้ที่อยากให้ลูกหนี้ชดใช้เงินโดยเร็ว

​